หากถามคนทั่วไปเกี่ยวกับชีวิตของผู้ที่ถูกเรียกว่า “เจ้าสัว” ต่างก็นึกถึงคนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จด้านธุรกิจจนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่หากมองไปยังเบื้องหลังความสำเร็จของคนเหล่านี้ ต่างต้องฝ่าฝันอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ผมเองได้มีโอกาสศึกษาประวัติวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงในอดีตของไทยจากหนังสือเก่าแก่และหายากเล่มหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์เมื่อช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งหรือกว่า 10 ปีมาแล้ว หนังสือเล่มนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของทุกตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยในช่วงเวลาดังกล่าว น่าตกใจที่ว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้กล่าวได้อย่างละเอียดยิ่งนัก
ส่วนเหตุผลที่ผมสนใจศึกษานั้น เนื่องจากเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในหุ้น หากไปดูรายชื่อผู้ถือหุ้นของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็จะเห็นนามสกุลที่ดูคุ้นหูคุ้นตากันอยู่พอสมควร นอกจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ผมบังเอิญกำลังจะได้ไปทำงานร่วมกับลูกเจ้าสัวตระกูลใหญ่ จึงเกิดความสนใจอยากรู้รายละเอียดประวัติความเป็นมาเป็นพิเศษครับ
ความจริงที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของเจ้าสัวที่ผมได้ค้นพบและอยากนำมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้รับรู้ทั้งมุมมองและประสบการณ์การทำงานและทำธุรกิจร่วมกันกับคนเหล่านี้ จุดเริ่มต้นของผู้ก่อตั้งตระกูลต่างเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น คือเริ่มจากไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ครับ ต้นตระกูลรุ่นแรกส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อมาแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า บางท่านถึงขนาดมาแต่ตัวเปล่ามาเสี่ยงดวงกันเลยก็มี พอเข้ามาประเทศไทยต่างเริ่มจากหางานทำในระดับชนชั้นแรงงาน ทั้งเป็นกรรมกรแบกหาม ลูกจ้างร้านขายของชำ หรือเป็นชาวเรือหาจับปลา ถึงแม้จะฟังดูต่ำต้อยแต่ด้วยความพยายามมานะบากบั่น ขยันตั้งใจทำงานอย่างไม่มีเกียจคร้านใดๆ จึงเป็นที่ถูกใจของเจ้านายและได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ มอบหมายงานที่สำคัญให้รับผิดชอบพร้อมกับค่าแรงที่มากขึ้น จนกระทั่งพวกเขาเติบใหญ่มาเป็นนายคน เป็นหัวหน้าคุมลูกน้องให้กับเจ้านาย
เมื่อได้รับโอกาสจนเป็นการเป็นงานได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงเริ่มมองหาลู่ทางทำธุรกิจของตนเอง บางท่านต่อยอดจากงานที่เคยทำมาโดยออกไปเปิดห้างร้านเปิดกิจการเอง บางท่านก็หันเข้าไปทำธุรกิจที่กำลังเจริญรุ่งเรืองในยุคนั้น เช่น ค้าไม้และแปรรูปไม้ การประมง ขนส่งทางเรือ เป็นต้น ด้วยการตรากตรำทำงานตั้งแต่ระดับล่างสุดไต่เต้าขึ้นมาจนเป็นนายคน เหล่านี้ช่วยค้ำจุนให้เขาเหล่านั้นพร้อมที่จะเริ่มก้าวสู่การเป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจเองได้แล้ว และสิ่งที่พวกเขาทำหลังจากนั้นก็ยังคงเหมือนเช่นเดิมคือ ขยันและตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
จากเถ้าแก่รุ่นแรกได้ส่งต่อธุรกิจไปอยู่ในมือของรุ่นลูก พร้อมด้วยการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี และลูกได้เห็นพ่อทำงานอย่างหนัก จึงมีความพยายามที่จะเป็นอย่างรุ่นพ่อบริหารกิจการให้เติบใหญ่ ทำให้รุ่นลูกหรือรุ่นที่สองสามารถสานต่องานของพ่อได้เป็นอย่างดี นอกจากความพยายามแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกประการที่ไม่ว่าเจ้าสัวตระกูลใดต่างก็ต้องมีนั่นคือ การมีพันธมิตรหรือพรรคพวกกับผู้มีอิทธิพล ในสมัยนั้นผู้มีอิทธิพลจะเป็นกลุ่มของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ต่าง ๆ หากใครคบหาเป็นพรรคพวกกัน ก็จะได้รับความช่วยเหลือและเอื้ออำนวยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขอสัมปทาน แต่ถึงไม่มีปัจจัยดังกล่าว ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้อยู่แล้วครับ
หลังจากความสำเร็จของทายาทรุ่นที่สองได้สร้างอาณาจักรธุรกิจให้กว้างใหญ่ไพศาล ก็ถึงคราวที่จะต้องส่งไม้ต่อมายังรุ่นลูกของพวกเขา ซึ่งก็คือรุ่นพวกเราในปัจจุบันนั่นเองครับ.....ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีในหนังสือแล้วครับ......ด้วยความที่ผมได้มีประสบการณ์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกเจ้าสัวตระกูลดังบางท่าน ผมจึงพอมีมุมมองที่เป็นประโยชน์มาแชร์ให้ท่านได้รู้จักชีวิตของพวกเขากันครับ
ผมว่าทุกท่านคงจินตนาการออกว่าคนเหล่านี้มีชีวิตอย่างไร.......ถูกต้องครับ พวกเขาเติบโตและใช้ชีวิตแบบสุขสบาย ได้ใช้แต่ของแบรนด์เนม ขับรถราคาแพง อยู่ในสังคมระดับไฮโซ แต่เบื้องหลังภายใต้หน้ากากเหล่านี้ พวกเขาต้องแบกรับความกดดันจากความคาดหวังของพ่อแม่และสังคมรอบข้างที่หวังว่าเมื่อลูกโตมาจนพร้อมที่จะรับช่วงต่อดูแลอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ คุมลูกน้องนับพันคน เช่นเดียวกับที่รุ่นพ่อแม่รับช่วงต่อจากปู่ย่ามา ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้จะไม่มีภาระทางบ้านหรือปัญหาเรื่องเงิน ได้รับ “โอกาส” ที่มากกว่า แต่ก็ต้องแบกความคาดหวังที่หนักอึ้งอยู่ตลอด มันไม่มีความสุขสบายหรอกครับ
สิ่งหนึ่งที่ลูกหลานเจ้าสัวเหล่านี้ไม่มีและเป็นสิ่งสำคัญที่รุ่นพ่อแม่ของพวกเขามี นั่นคือ การผ่านความยากลำบากมาก่อน เพื่อให้เข้าใจและพยายามต่อสู้เอาชนะมันและประสบความสำเร็จในที่สุด ซึ่งในท้ายที่สุดหากเขาไม่เจอในช่วงอายุยังน้อยก็จะต้องมาพบเจอช่วงกลางชีวิต หากอยากจะก้าวสู่จุดสูงสุดให้ได้ ในด้านการทำงานร่วมกัน ผมต้องยอมรับว่า พวกเขาเก่งมากครับทั้งความสามารถเฉพาะสายที่เรียนมา มีทักษะการจัดการคนใช้คนให้เกิดประโยชน์ มีความรอบรู้ในเรื่องที่คนรวยเขาสนใจกัน โดยเฉพาะการสร้าง connection และช่องทางการลงทุน ทั้งหมดนี้ผมมองว่าส่วนหนึ่งเพราะเขาได้รับโอกาสเปิดโลกกว้างให้แก่ตัวเองทั้งการศึกษาต่างประเทศ และการสอนจากรุ่นพ่อแม่ที่รู้ดีว่าต้องเตรียมอะไรให้กับลูกบ้าง แต่ทั้งนี้เขาเองก็ต้องใส่ความพยายามเข้าไปด้วยจึงจะบังเกิดผลออกมา
ผมสามารถสรุปได้ว่า การที่คนธรรมดาอย่างเราสามารถก้าวไปสู่ความประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้นั้น สิ่งสำคัญที่เขาเหล่านั้นมีเหมือนกัน คือ
1. ทุกคนต่างต้องผ่านจุดที่ยากลำบากของชีวิตมาก่อน เพื่อเรียนรู้จดจำและใช้เป็นแรงผลักดันในการพยายามก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่า....อาจารย์ผมท่านนึงเคยพูดไว้ว่า “สิ่งต่างๆบนโลกใบนี้มีสัญญาณเตือนมาเป็นระยะๆ ไม่ได้อยู่ดีๆเกิดขึ้น หลายครั้งที่เราตั้งหลักไม่ทัน เราล้ม เราเสียใจ เราล้มเหลว เพียงแค่เพราะเราเพิกเฉยต่อสิ่งต่างๆที่มาเตือนเราเป็นระยะๆ ฝนอยู่ดีๆตกซะเมื่อไหร่ การที่เราเพิกเฉยไม่ใส่ใจที่กับการเปลี่ยนแปลง การที่เราไม่เตรียมร่ม ผลลัพธ์คือเปียก สัญญาณเตือนมาเพื่อให้เราเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แต่เราก็ยังทำแบบเดิม ผลก็คือได้ผลแบบเดิม ไม่เปลี่ยน” ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนได้หรือยังครับ
2. พยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ถึงที่สุด ใส่ความขยัน มานะบากบั่นเข้าไป สักวันจะต้องมีคนเห็นความตั้งใจและความสามารถของคุณแน่นอน....ถ้ามันยังไม่สำเร็จก็จงใส่ความพยายามไปให้มากขึ้น ถ้ายังไม่สำเร็จอีก ก็ลองวิเคราะห์ถึงวิธีที่ใช้ และลองปรับวิธีดู ถ้าทำแล้วล้มเหลวก็ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง
3. การสร้าง connection เมื่อคุณมีสองข้อแรกแล้ว จะเป็นโอกาสที่ดีมากขึ้นถ้าคุณมีข้อนี้จะช่วยให้คุณทำอะไรง่ายขึ้นอีกเยอะ ไม่เพียงแต่เรื่องงานหรือธุรกิจเท่านั้น คนหนึ่งคนมีเวลาจำกัดไม่สามารถทำทุกอย่างหรือเก่งได้ทุกอย่างภายใต้เวลาที่จำกัด.....เหมือนที่ได้กล่าวไว้ข้างบน คนรวยเขาสร้าง connection เพราะส่วนหนึ่งเขามองว่าการทำอะไรด้วยตัวเองไม่ใช่ทางที่สำเร็จเร็ว แต่การใช้คนอื่นทำงานให้โดยที่คุณจ่ายค่าจ้างให้เขาเพื่อที่คุณจะได้ไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณถนัดจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
ผมก็ได้แบ่งปันมุมมองจากหนังสือที่ผมเคยอ่าน และประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกับลูกเจ้าสัวมาแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์และแรงผลักดันให้กับทุกท่านมีไฟในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนะครับ
เอาล่ะครับ! หวังว่ามุมมองและประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังท้อแท้ หรืออยากเริ่มทำธุรกิจกันนะครับ
Blogger Comment
Facebook Comment